ถั่วลูกไก่ออร์แกนิค 300 กรัม
ถั่วลูกไก่ (Chickpea) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Garbanzo beans หรือ Gram เป็นพืชตระกูลถั่วที่มีการเพาะปลูกมานานกว่า 7,000 ปีในตะวันออกกลางและแถบเมดิเตอร์เรเนียน โดยถือเป็นหนึ่งในพืชอาหารที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ถั่วลูกไก่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มถั่วหรือถั่วลันเตาโดยตรง แต่จัดเป็นพืชตระกูลถั่วชนิดหนึ่งที่มีอายุปีเดียว มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีบทบาทสำคัญในอาหารพื้นบ้านทั่วโลก ทั้งในรูปแบบของอาหารจานหลัก อาหารว่าง และส่วนผสมในเมนูสุขภาพ
ถั่วลูกไก่ออร์แกนิคของ Rawganiq ปลูกในสภาพภูมิอากาศที่อบอุ่น ดินระบายน้ำได้ดี มีไนโตรเจนต่ำ และมีค่าความเป็นด่างในเขตอินเนอร์มองโกเลีย โดยสภาพแวดล้อมธรรมชาติเหล่านี้ช่วยส่งเสริมให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูง และปลอดภัยต่อผู้บริโภค
นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยโปรตีนจากพืช ใยอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย ปราศจากสารเคมีสังเคราะห์และสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม (GMO) จึงเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ถั่วลูกไก่ออร์แกนิคสามารถนำไปใช้ปรุงอาหารได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นส่วนผสมหลักในการทำฮุมมุส (hummus) นำไปอบไว้ทานเล่นเป็นของว่างโปรตีนสูง ใส่ในสลัด ซุป สตูว์ หรือจะนำไปบดเป็นแป้งถั่วลูกไก่เพื่อใช้ในการทำขนมอบ
ทำไมต้อง RAWGANIQ
- รับรองออร์แกนิคมาตรฐานอเมริกา (USDA) และยุโรป (EU) ครอบคลุมวัตถุดิบทุกชนิด และโรงงาน (ดูใบรับรอง)
- คัดสรรเฉพาะวัตถุดิบเกรดพรีเมียมจากแหล่งที่ดีที่สุดจากทั่วทุกมุมโลก การันตีทั้งเรื่องคุณภาพและราคา
- ผลิตและแบ่งบรรจุในโรงงานที่มีใบอนุญาตจากอ.ย. และได้รับการรับรองมาตรฐาน GHPs/HACCP Codex (ดูใบรับรอง)
- เก็บรักษาวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ในห้องควบคุมอุณหภูมิ
- เลือกใช้เฉพาะบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (eco-friendly packaging) ปลอดภัยสำหรับอาหาร (food-grade) และผ่านการตรวจสอบแล้วว่าไม่มีสารตกค้างจากบรรจุภัณฑ์ (Migration test) เท่านั้น
- ผ่านการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ประโยชน์ของถั่วลูกไก่ออร์แกนิค:
- ใยอาหารในถั่วลูกไก่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) ขณะที่โพแทสเซียมช่วยลดความดันโลหิต และสารต้านอนุมูลอิสระช่วยปกป้องหลอดเลือด ส่งเสริมสุขภาพหัวใจโดยรวมได้เป็นอย่างดี
- ดีต่อระบบย่อยอาหารและจุลินทรีย์ในลำไส้ เพราะใยอาหารช่วยป้องกันอาการท้องผูก และยังมีใยอาหารชนิดพรีไบโอติกที่เป็นอาหารให้กับแบคทีเรียดีในลำไส้ เช่น Bifidobacteria ช่วยสร้างสมดุลในระบบทางเดินอาหาร
- ค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ (Low GI) ผสมผสานกับใยอาหารและโปรตีนในถั่วลูกไก่ ช่วยให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลอย่างช้าๆ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมหรือป้องกันโรคเบาหวาน
- อุดมไปด้วยใยอาหารและโปรตีนสูง จึงช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน ช่วยลดความอยากอาหาร และช่วยให้ควบคุมแคลอรี่ได้ง่ายขึ้น จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
- เป็นแหล่งโปรตีนจากพืชที่ดี ช่วยในการเสริมสร้างและคงสภาพกล้ามเนื้อได้อย่างยั่งยืน โดยไม่พึ่งพาแหล่งโปรตีนจากสัตว์ จึงเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
- เนื่องจากมีคุณสมบัติช่วยต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ จึงช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็งและโรคหัวใจ
- อุดมไปด้วยแร่ธาตุสำคัญอย่างแมกนีเซียม โพแทสเซียม สังกะสี รวมถึงวิตามินเค ซึ่งทั้งหมดนี้มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างและช่วยรักษาความหนาแน่นของมวลกระดูก ช่วยลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน
วิธีรับประทาน:
ถั่วลูกไก่ต้มสุก: สามารถนำไปใช้ได้หลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็น
- สลัด เช่น สลัดสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน ที่ทั้งอร่อยและอิ่มท้อง
- ซุปและสตูว์ เช่น แกงถั่วชิกพีแบบอินเดีย (Chana Masala) หรือซุปมิเนสโตรเน่ (Minestrone Soup)
- แกงกะหรี่ เพิ่มเนื้อสัมผัสและโปรตีนจากพืช
- ของทานเล่น เพียงคลุกถั่วต้มกับน้ำมันและเครื่องเทศ แล้วนำไปอบที่อุณหภูมิ 200°C (400°F) ประมาณ 30–40 นาที ก็จะได้ของว่างที่กรุบกรอบและดีต่อสุขภาพ
ฮุมมุส: เมนูคลาสสิกที่ทำได้ง่าย เพียงนำถั่วลูกไก่สุกมาปั่นรวมกับทาฮินี (งาบด), น้ำมะนาว, กระเทียม และน้ำมันมะกอก ก็จะได้ดิปปิ้งซอสรสชาติเข้มข้นไว้ทานคู่กับผักสดหรือขนมปังพิต้า
ฟาลาเฟล: เมนูของว่างหรืออาหารจานหลักจากตะวันออกกลาง ใช้ถั่วลูกไก่ที่แช่น้ำไว้ (ไม่ต้องต้ม) ปั่นรวมกับสมุนไพรและเครื่องเทศ ปั้นเป็นก้อน แล้วนำไปทอดหรืออบให้กรอบนอกนุ่มใน
อควาฟาบา: น้ำที่ได้จากการต้มถั่วลูกไก่ สามารถนำมาตีให้ฟูแทนไข่ขาว เหมาะสำหรับทำขนมมังสวิรัติ เช่น มูส เมอแรงค์ หรือมายองเนสมังสวิรัติ
ถั่วงอก: แช่ถั่วในน้ำ แล้วล้าง และสะเด็ดน้ำวันละ 2–3 ครั้ง ประมาณ 2–3 วันจนกว่าจะเริ่มงอก หลังจากนั้นก็จะได้ถั่วงอกสดที่สามารถกินดิบได้ เหมาะสำหรับใส่ในสลัดหรือแซนด์วิช ช่วยเพิ่มเอนไซม์และวิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
เคล็ดลับเพื่อการย่อยที่ดีขึ้น:
- หากเพิ่งเริ่มรับประทาน ควรเริ่มจากปริมาณน้อยก่อน โดยนำไปแช่น้ำและปรุงให้สุกอย่างทั่วถึง การใส่เครื่องเทศอย่างยี่หร่า จะช่วยลดอาการแน่นท้อง และหากรับประทานเป็นประจำ ร่างกายจะสามารถปรับตัวและย่อยได้ดีขึ้น
ที่มา:
- Archives of Internal Medicine, Bazzano et al., 2001 (Legumes & CVD risk); PLoS One, Jayalath et al., 2014 (Legumes & BP)
- British Journal of Nutrition, Fernando et al., 2010 (Chickpea fiber & microbiota); Cell Host & Microbe, Sonnenburg & Bäckhed, 2016 (Fiber-gut microbiome link)
- European Journal of Clinical Nutrition, Sievenpiper et al., 2009 (Legumes & glycemic control)
- Obesity Reviews, Li et al., 2014 (Pulses & satiety); The American Journal of Clinical Nutrition, Pereira et al., 2002 (Fiber & weight)
- Journal of the Academy of Nutrition and Dietetics, Melina et al., 2016 (Position on vegetarian diets)
- International Journal of Molecular Sciences, 2020 (Review on legumes & chronic disease)
- NIH Bone Health & Osteoporosis Resource Center